Ludwig Guru Premium 1 ปี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน เเละราคาเเพง ใช้งานได้ถูกต้อง 100 %

Ludwig Guru Premium คือ โปรแกรมสำหรับการค้นหาประโยค (Sentence Search Engine)

สินค้าจะจัดส่งภายใน 24 ชม. วันทำการ ส่งผ่านอีเมล์ โดยลูกค้านั้น จะได้รับสินค้าเป็น account user กับ password เหมาะกับการใช้งานส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามหากต้องการตัวออกใบกำกับภาษี ยังคงจะต้องสั่งสินค้าประเภท สำหรับใช้ในองค์กรธุรกิจ (Full package)  หรือ ติดต่อทางร้าน

• Premium Version จะได้รับสิทธิ์ค้นหาคำไม่อั้นต่อวัน จากเดิมทีจะอยู่ที่โควต้าการค้นหา 3 คำ ต่อวัน หากเป็น premium จะสามารถใช้งานได้ไม่จำกัดต่อวัน รวมถึงรายการค้นหาต่อคำที่มากถึง 60 รายการแสดง และ ไม่มีโฆษณามากวนใจ
• มีโปรแกรมใช้งานได้บน Windows (ตั้งแต่ Windows 7 ขึ้นไป) และ android ส่วน Mac ใช้งานผ่าน Safari browser ได้เช่นกันครับ
• อายุการใช้งาน 1 ปี อายุของการรับกระกัน ที่ทางร้านจะรับผิดชอบจะมีระยะเวลา 1 ปีนับตั้งเเต่วันที่สั่งซื้อกับทางร้านค้า หรือ ที่ระบุไว้ในอีเมล หรือ จนกว่าทางต้นบริษัท ludwig จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการเเละส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานมากกว่า1ผู้ใช้ ได้อีกต่อไป
• (ขยายความท่อนสุดท้าย เช่น ในกรณีที่ทางบริษัทต้นสังกัดผู้ให้บริการมีระบบปิดกั้นการ sharing account จนทำให้บัญชีไม่สามารถเเบ่งกันกับสมาชิกร้านค้าใช้งานได้อีกต่อไป เเม้ว่าทางร้านจะเเบ่ง member เป็นหลายกลุ่มก็ตาม ก็จะถือว่าเป็นอันสิ้นสุดการรับประกันจากทางร้าน รวมถึงทางร้านจะระงับการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวออกไปด้วยเพื่อป้องกันปัญหาความไม่เเน่นอน ถือเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้เเละทางร้านต้องเเจ้งให้ทราบล่วงหน้าครับ เเต่จากสินค้าที่ยังจำหน่ายอยู่ยังไม่มีปัญหาดังกล่าว เเละได้จำหน่ายมาหลายปีเเล้วครับ)
• ตัว Ludwig นี้ จะเป็นรูปแบบแชร์เป็นกลุ่มนะครับผม อย่างไรก็ตามจะมีการลิมิตโควตาผู้ใช้งานต่อบัญชี บัญชีหากมีปัญหาสามารถติดต่อทางร้านได้ตลอด 24 ชม ครับ ทางร้านไม่อนุญาติให้นำไปขายต่อนะครับ หากตรวจพบขอระงับการใช้งานและสิ้นสุดการรับประกันทันทีครับ
• สินค้าจำหน่ายเพื่อวัตถุประสงค์ ในการสร้างความการง่ายต่อการเข้าถึง โปรแกรมการศึกษาในราคาประหยัด โดยมิได้มิวัตถุประสงค์หลักเพื่อการหากำไร หากเป็นการสั่งซื้อในลักษณะเป็นลูกค้าองค์กร รบกวนติดต่อขอใบเสนอราคากับทาง Ludwig โดยตรงนะครับ

สารบัญ

Ludwig Guru คือ อะไร

ความแตกต่างระหว่าง Ludwig Guru กับ Grammarly

ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ Ludwig Guru

บทสรุป

 

Ludwig Guru คือ อะไร

Ludwig Guru คือ โปรแกรมสำหรับการค้นหาประโยค โดยระบบการค้นหาประโยค (คำ, วลี) ของ Ludwig ทำงานเหมือนกับ Google ถ้าหากเราต้องการทราบการใช้งานประโยคใด เราก็แค่พิมพ์ตัวอย่างประโยคดังกล่าว, คำ, วลีดังกล่าวลงไป หลังจากนั้นระบบของ Ludwig ก็จะประมวลผลจากฐานข้อมูลงานเขียนที่ “เชื่อถือได้” ออกมาเป็นตัวอย่างประโยคที่คุณสามารถนำไปต่อยอด, ปรับเปลี่ยน, เพิ่มเติมให้เข้ากับประโยคของคุณ โดยฐานข้อมูลของ Ludwig จะถูกแบ่งออกเป็นหมวด (ทั้งนี้คุณสามารถเลือกได้หลายหมวดต่อ 1 การค้นหา) ซึ่งจะมีหมวดหมู่มากมาย เช่น News &Media ,Science & Research ,Encyclopedias ,Wiki ,Formal & Business เป็นต้น โดยฐานข้อมูลจะมีการอัพเดตใหม่ตลอดเวลา

เช่น (จากภาพด้านบน) จะมีทั้งหมด 6 หมวด ตัวอย่างหมวดที่เราใช้เป็นประจำ คือหมวด Science & Research ฐานประโยค, คำ, วลีก็จะมาจากบรรดางานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ ได้รับการตรวจสอบ, ถูกเข้าถึง, ถูกกล่าวถึงเป็นประจำ เมื่อเราพบตัวอย่างประโยค โดยผู้ใช้สามารถเลื่อนดูตัวอย่างที่เราต้องการ หรือคิดว่ามีประโยชน์ต่อการนำมาต่อยอดงานเขียนของเรา

 

ความแตกต่างระหว่าง Ludwig Guru กับ Grammarly

โปรแกรม Ludwig Guru นั้นตัวระบบจะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ความรู้หรือสอน มันไม่เหมือน Grammarly ถ้าใครต้องการระบบที่ช่วยแนะไวยากรณ์ ควรใช้ Grammarly มากกว่า ในส่วน โปรแกรม Ludwig นั้นจะเหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานประมาณหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ว่ามันนำมาตรวจเช็คไวยากรณ์ไม่ได้นะครับ สามารถทำได้ คือ การดูจากบรรดาประโยคตัวอย่าง แต่การตรวจเช็คในลักษณะดังกล่าวบน Ludwig ผู้ใช้งานต้องมี “ตัวอย่างประโยค/คำ” ในใจมาก่อนเพื่อ นำมาตรวจสอบ หรือ นำมาต่อยอดได้ เช่น ในหัวเราอยากเขียนวลี ‘’in a less controversial’’ แต่เราก็จำไม่ได้ว่ามันถูกไวยากรณ์หรือเปล่า เราก็ใส่วลีดังกล่าวลงไปและดูว่ามีการใช้งานจริงในบรรดานักเขียนหรือไม่ แน่นอนว่าในลักษณะนี้มันไม่ใช่การตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญ (แต่มันคือการตรวจโดยบรรดาผู้ใช้งานจริงกันเอง)  แต่บรรดาผู้ใช้งานเหล่านี้กว่า 90% ก็คือบรรดา native speakers หลายครั้งเวลาเราจะตรวจงานตัวเอง เราจึงมักใช้ Ludwig มากกว่า Grammarly เสียอีก ยอมเสียเวลาหน่อย แต่ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม และมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า

 

ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ Ludwig Guru

ระบบของ Ludwig นั้นยังมีฟีเจอร์อื่นที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก เช่น การตรวจความถี่ จากการถูกใช้งานของคำ เนื่องจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษมันมีหลายระดับ มีการแตกแขนงต่อยอดไม่รู้จบ จนบางทีไม่รู้ว่าควรเลือกใช้คำใดที่เป็นปัจจุบัน หรือ เหมาะสม

การเข้ามาเช็คใน Ludwig สามารถช่วยได้ ทั้งนี้ เราเองในฐานผู้ค้นหาก็ต้องระวังในตัวระบบ แม้ส่วนตัวจะค่อนข้างเชื่อใจ (เพราะใช้มานาน และรู้สึกว่าผลลัพธ์ค่อนข้างตรง) บางครั้ง ก็ต้องมาเช็คกับคนเองอีกที หรือค้นหาเพิ่มเติมก่อนเขียน

การใช้งาน Ludwig Guru จริง นั้นไม่ฟรี และต้องเสียค่าสมาชิก รายปี โดย บรรดา native speakers ก็ใช้ Ludwig เช่นกัน หลายคนยังใช้กระทั่ง Grammarly และ Quillbot ร่วมด้วยเช่นกัน

 

บทสรุป

หลายคนมักคิดว่าการเขียนก็ควรเขียนได้เลยหรือเปล่า ไม่ต้องมีเครื่องมือช่วย สำหรับเรา ถ้าเขียนปกติ ในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าไม่จำเป็น แต่ในบริบทที่ต้องเขียนตีพิมพ์, ส่งงาน, ฯลฯ ให้สาธารณชน, ผู้เชี่ยวชาญอ่าน บางครั้งเราต้องใส่ลีลาในภาษา เราต้องเลือกคำ, ประโยคให้เกิด impact การคิดอยู่คนเดียวหลายครั้งสำหรับเราคือเผชิญกับภาวะ writer’s block (ภาวะการเขียน/คิดไม่ออก) การใช้บรรดาเครื่องมือจึงเข้ามาช่วยได้อย่างมหาศาล แม้จะเสียเวลาหน่อยขณะเขียน แต่มันทำให้เนื้อหาเราดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นในลักษณะที่เรา “ต้องใช้เป็น” หรือ นำมาต่อยอดให้เข้ากับงานเขียนของเราได้ กล่าวคือ ถ้าคุณคัดลอกมาอย่างเดียว ประสิทธิภาพงานเขียนและทักษะของคุณอาจจะจะลดลง